เออร์ลิง ฮาแลนด์

เออร์ลิง ฮาแลนด์ กับความท้าทายครั้งใหม่ บนแผ่นดินอังกฤษ

เออร์ลิง ฮาแลนด์ กับความท้าทายครั้งใหม่ บนแผ่นดินอังกฤษ

เออร์ลิง ฮาแลนด์ กับศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในฤดูกาลใหม่ ที่จะถึงนี้ ใครที่ติดตามข่าวสาร การย้ายทีมก่อนหน้านี้ คงทราบกันเป็นอย่างดี อยู่แล้วว่า สองทีมยักษ์ใหญ่ เจ้าของตำแหน่งแชมป์เก่า อย่างเรือใบสีฟ้า แมนซิตี้  และรองแชมป์ อย่างหงษ์แดง ลิเวอร์พูล

สองทีมลุ้นแชมป์ กับความเคลื่อนไหว ในตลาดซื้อขายซัมเมอร์นี้ ทำการเสริมทัพ กันแบบที่เรียกว่า เป็นบิ๊กดีล ด้วยกันทั้งสองทีมเลยก็ว่าได้ โดยทางด้านหงษ์แดง ล่าสุดเซ็นสัญญาคว้าตัว ดาร์วิน นูเญษ มาจากเบนฟิก้า ส่วนด้านแชมป์เก่า ทีมเรือใบสีฟ้า เสริมทีมแบบดุเดือดเช่นเดียวกัน คือการคว้าตัว

เออร์ลิงฮาแลนด์ ดาวยิงทีมชาติ นอร์เวย์มาจาก โบรุซเซีย ดอร์ทมุนด์ ฮาแลนด์ ค่าตัว ราวๆ 51 ล้านปอนด์ พร้อมรับค่าเหนื่อย จำนวนมหาศาล โดยได้ทำการเปิดตัวนักเตะไป เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยเป็นการเซ็นสัญญา ระยะยาว 5 ปี

เออร์ลิง ฮาแลนด์ กับความพิเศษในตัว ที่เริ่มฉายแวว ตั้งแต่วัยเด็ก

เออร์ลิง ฮาแลนด์

ฮาแลนด์ ในวัย 8 ขวบ ถ้าย้อนเวลากลับไป ถึงจุดเริ่มต้น ในเส้นทางสายลูกหนัง ของดาวยิงแห่งยุครายนี้ ด้วยวัยเพียงเท่านี้ ฮาแลนด์เริ่มเล่นฟุตบอลกับ สโมสรเบริน์ ในประเทศ นอร์เวย์ และทำให้เขา ได้รับโอกาศฉายแวว ในการที่จะเป็นสุดยอดกองหน้าออกมา

โดยอดีโค้ช ของฮาแลนด์ ในวัยเด็ก อย่างอิงเก้ เบิร์นท์เซน เล่าว่า ฮาแลนด์โชว์ให้เห็นถึงความพิเศษ และความ มหัศจรรย์ออกมา ในหลายๆด้าน โดยเขาเป็นคนที่สามารถเรียนรู้เทคนิคต่างๆ ได้อย่างฉับไว เนื่องจากเป็นเด็ก ที่มีความฉลาด รวมถึงการเรียนรู้ ในด้านของแท็กติค และที่สำคัญ เป็นเด็ก ฮาแลนด์

ที่มีความแข็งแกร่ง ด้านจิตใจ และร่างกาย โดยเฉพราะจุดเด่นด้านความเร็ว โดยฮาแลนด์ ได้รับโอกาศ ลงสนามเป็นตัวจริง ให้กับสโมสรเบริน์ โดยช่วงนั้น ฮาแลนด์ อายุ เพียง 15 ปี พร้อมกับการยิงประตู ที่น่าทึ่ง จนเริ่มเป็นที่สนใจ ของบรรดาแมวมอง จากสโมสรต่างๆ

ฮาแลนด์ เริ่มเป็นที่รู้จัก ในวงกว้างมากขึ้น จากผลงานในเวทียุโรป

หลังจากเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอล ให้กับทีมในบ้านเกิด อย่างเบริน์ ในปี 2016 ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับ สโมสรม็อลเดอ ในปีต่อมาโดยล่งเล่น ให้กับสโมสรแห่งนี้ เป็นระยะเวลา 3 ปี ก่อนที่ในปี 2019 จะย้ายไปอยู่กับ เรดบูล ซัลทซ์บวร์ค ทีมในออสเตรีย โดยสามารถพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีก และบอลถ้วยของประเทศในปีนั้น

และในปีนั้น เจ้าตัวได้มีโอกาศ ลงเล่นในฟุตบอลรายการสำคัญ อย่างศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก พร้อมกับทำสถิติ เป็นนักเตะ ที่สามาถยิงประตูได้ ในรายการนี้ถึง 5 นัดติดต่อกัน ส่งผลให้ชื่อของเออร์ลิ่ฮาแลนด์ เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ในวงกว้าง ทั่วทั้งยุโรป

และในปีเดียวกัน จากฟอร์มการยิงประตูสุดโหด ในเดือนธันวาคม ปี 2019 เออร์ลิ่งฮาแลนด์ ได้เข้าสู่อีกหนึ่งย่างก้าว ที่สำคัญ เมื่อได้เซ็นสัญญา ย้ายไปร่วมทีม โบรุสซีย ดอร์ทมุนด์ ในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ซึ่งก่อนหน้านั้น เขาเคยมีข่าวกับหลายทีมทั่วยุโรป โดยเฉพราะข่าว ฮาแลนด์ แมนยู 

เออร์ลิง ฮาแลนด์

โดยชีวิตการค้า ในเยอรมัน ถึงแม้ฮาแลนด์จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ในด้านของถ้วยแชมป์มากนัก แต่ถ้าในเรื่องของการยิงประตู เจ้าตัวทำได้ทั้งหมด 150 ประตูตลอดการค้าแข้งกับดอร์ทมุนด์ โดยฤดูกาลล่าสุด ฮาแลนด์ยิงให้กับต้นสังกัด รวมทุกรายการไปถึง 29 ลูก ถึงแม้ ฮาแลนด์ เจ็บ รบกวน

ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า จุดเด่นของนักเตะรายนี้ คือเรื่องของการยิงประตู โดยเฉพราะในกรอบเขตโทษ เขาคือศูนย์หน้าเบอร์หนึ่งของโลก ในเวลานี้เลยก็ว่าได้ มันจึงดึงดูด ให้ ฮาแลนด์ แมนซิตี้ คว้าตัวมาครอบครอง เพื่อเป้าหมายใหญ่ของทีม คือคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก

เออร์ลิงฮาแลนด์ กับการพา แมน เชสเตอร์ ไปสู่บัลลังก์แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก

หลังจากฮาแลนด์ ได้ไปพิสูจน์ฝีเท้า มาในระดับหนึ่ง ในบุนเดลลีกา เยอรมัน ก็ถึงเวลาที่เหมาะสม ที่นักเตะเอง จะก้าวไปหาความท้าทายใหม่ๆ ในลีกอื่น โดยเฉพราะกับ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ กับทีมเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ซิตี้ 

ฮาแลนด์ ย้ายทีม มาแมน ซิตี้ ในราคาค่าตัว 51 ล้านปอนด์ โดยเป้าหมายหลัก ของผู้บริหารสโมสร ในการคว้าตัวนักเตะรายนี้ ก็เพื่อทำเป้าหมายของทีม ให้ประสบความสำเร็จ คือการคว้าแชมป์ UCL ซึ่งเป็นแชมป์รายการเดียว ที่กุนซือของทีม อย่างเป๊ป กวาดิโอล่า ยังไม่สามารถคว้ามาครองตลอดการคุม แมน ซิคี้ได้

เออร์ลิง ฮาแลนด์

ส่วนเป้าหมายในลีก ก็เพื่อเพิ่มโอกาศ ในการป้องกันแชมป์ เนื่องจากคู่แข่งแย่งแชมป์โดยตรง อย่างลิเวอร์พูล ก็มีการเสริมทีมที่ดี รวมถึงคู่แข่งรายอื่นๆ ก็มีการเสริมทัพที่น่าจับตามอง เพื่อพร้อมท้าทาย ตำแหน่งแชมป์เช่นกัน

ในด้านของแท็คติคการเล่น เมื่อทีมมี ฮาแลนด์เข้ามา แน่นอนว่า การที่เป๊ปเอง ดึงตัวฮาแลนด์เข้ามา ชัดเจนเลยว่า เขาต้องการรูปแบบใหม่ๆ ในแนวรุก จะเห็นว่าก่อนหน้านี้ เกมรุกของทีมนั้น เป๊ปจะไม่มี กองหน้าสไตล์แบบนี้ลงเล่น คือสไตล์หน้าเป้า ประเภทรอปิดบัญชีอย่างเดียว 

โดยส่วนใหญ่ จะใช้เป็นศูนย์หน้าตัวหลอก สลับกันลงเล่น อย่างกาเบรียล เฆซุส หรือ ริยาด มาห์เรซ หรือแม้กระทั้ง ต้องอาศัยแผงมิดฟิลด์อย่าง เควิน เดอบรอยน์,ฟิลโฟเด้น,ราฮีม สเตอร์ลิ่ง,แม้แต่ โรดรี้ ในการทำประตู

ซึ่งเป๊ปเองคงพิจารณาแล้วว่า การใช้แนวทางนี้ต่อไป อาจทำให้ทีมพบกับความยากลำบาก ในระยะยาว เนื่องจาก หลายๆทีม เริ่มที่จะจับทางการเล่น และแท็คติคของทีม ได้แล้วเช่นกัน ดังนั้นการมาของ เออร์ลิงฮาแลนด์ คงจะตอบโจทย์ในเรื่องนี้ของเป๊ปได้ค่อนข้างสูง

เนื่องจากฮาแลนด์ เป็นกองหน้าที่จบสกอร์ได้ดี ในกรอบเขตโทษ บวกกับทีม เรือใบสีฟ้า มีมิดฟิลด์ชั้นยอด ในการเปิดป้อน และสร้างโอกาศ อีกหนึ่งจุดที่เป๊ปเองคงมองเห็น คือฮาแลนด์เอง ก็สามารถเล่นได้หลากหลายสไตล์ โดยสามารถขยับไปเล่นด้านข้างได้เช่นกัน 

เนื่องจากเป็นนักเตะ ที่ความสามารถเฉพราะตัว บวกกับความแข็งแกร่ง ที่นักเตะในพรีเมียร์ลีกต้องมี และเรื่องของความเร็ว ที่ไม่เป็นสองรองใครเช่นกัน สุดท้ายไม่ว่าบทสรุป การค้าแข้งในอังกฤษ ของกองหน้าดาวรุ่งรายนี้ อาจจะต้องเจอกับความยากลำบากกว่าเก่า

แต่เชื่อมั่นว่า ด้วยความสามารถของเขา จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เขาพร้อมที่จะก้าวขึ้นมาเป็นดาวยิงระดับโลกคนต่อไป ได้อย่างแน่นอน ติดตาม บทความกีฬาที่น่าสนใจ ได้ทุกวันที่นี่

เรียบเรียงโดย Bangball